ดร.แพทต์ เคยเป็นบุคคลล้มละลาย

ประมาณปี 2539 ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยทำหมู่บ้านจัดสรร ตอนนั้นถือว่าใหญ่ที่สุดในจังหวัดนครนายก พอวันที่ 5 สิงหาคม 2540 เวลาประมาณ 15.00 เศษ มีเหตุการณ์รัฐบาลสั่งปิด สถาบันการเงิน จำนวน 56 แห่ง ก็เลยได้รับผลกระทบไปด้วยเพราะกู้เงินมาทำหมู่บ้านจัดสรรอยู่สองแห่ง คือ บริษัท เงินทุนหลักทรัพย์ชาติไพบูลย์ จำกัด จำนวน 30 ล้าน กับบริษัท เงินทุนหลักทรัพย์พารา จำกัด (มหาชน) จำนวน 7.5 ล้าน เพราะตอนนั้นทำหมู่บ้านจัดสรร สองโครงการ คือบ้านพร้อมที่ดินเป็นโครงการที่ดิน 33 ไร่ โครงการหนึ่ง อีกโครงการหนึ่งเป็นที่ดินสำเร็จรูป คือจัดสรรที่ดินอย่างเดียวเป็นโครงการที่ดิน 80 ไร่ อยู่ใกล้ๆกัน แล้วมีการขึ้นเงินจำนองบริษัท เงินทุนหลักทรัพย์ชาติไพบูลย์ จำกัด ไปแล้วจำนวน 6 ล้าน ทางบริษัทเงินทุน นัดให้ไปรับเงินวันที่ 6 สิงหาคม 2540 เวลา 10.00 น. แต่รัฐบาลสั่งปิดก่อนในวันที่ 5 มีนาคม 2540 ช่วงนั้นชีวิตแย่มากๆ ถูกฟ้องคดี เป็นสิบคดี คดีเช็ค คดีจำนอง ถูกยึดบ้าน ยึดรถ ไม่มีอะไรเหลือ ที่เลวร้ายที่สุดคือ ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ มาเป็นพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด จนกระทั่งถูกศาลสั่งให้เป็นบุคคลล้มละลายด้วยยอดหนี้ 123 ล้านบาทเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2550 ซึ่งถือว่าเยอะมาก ตอนนั้นคิดว่า เกิดมาไม่มีอะไรมาสักบาท ตายก็คงเอาไปไม่ได้สักบาท ส่วนหนี้สินก็คงอยู่บนโลกนี้แหละ ก็ทำใจไป เพราะไม่รู้จะทำยังไงดี แต่ที่โกรธตัวเองคือ ความเข้าใจว่า การล้มละลาย สามปี ก็จบ ยุติ พอถึงวันที่ 9 สิงหาคม 2553 ก็ ปลดจากบุคคลล้มละลาย แต่ๆๆไม่ได้ยกเลิกการเป็นบุคคลล้มละลาย แค่ปลดจากการเป็นบุคคลล้มละลายเท่านั้น ให้สามารถไปทำนิติกรรมบางอย่างได้ เดินทางไปต่างประเทศได้ โดยไม่ต้องขออนุญาตจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ แต่กฎหมายล้มละลาย 10 ปี จึงจะยกเลิกการเป็นบุคคลล้มละลาย
คงไม่ต้องขอเสียงปรบมือให้กับ ดร.แพทต์ ในฐานะที่ผ่านการเป็นบุคคลล้มละลายด้วยยอดหนี้ 123 ล้าน แหม… เลขเรียงกันเลย คิดเรื่องนี้ทีไหล น้ำตาไหลทุกที เพราะอะไรเหรอ.. โธ่ ถ้ารู้กฎหมายนะ จะไม่ยอมเป็นบุคคลล้มละลายให้เสียเวลาของชีวิต ใครที่คิดว่าจะล้มละลาย คิดใหม่เน้อออ…ค่ะ

Facebook Comments